วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

แหล่งเรียนรู้ (จัก) แล้วจะรักมอญ...





สวัสดี...เดือนกุมภาพันธ์...เดือนแห่งความรัก



เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อนๆ เดือนนี้ทีไรเศร้าใจทุกที ฮ่าๆ ก็แหม เนอะ น้ำก็เป็นมนุษย์ที่มีหัวใจคนนึงก็อยากจะมีโมเมนต์ที่ได้รับดอกไม้จากชายหนุ่มกับเค้าบ้าง แต่ก็คงได้แต่คิดและฝันไป (ดราม่าอีกล้ะ5555) จริงๆแล้ววันวาเลนไทน์นี่ไม่จำเป็นต้องแสดงความรักกับคนรักที่เรียกว่า แฟน เสมอไปก็ได้นา เราอาจจะมอบความรักให้กับพ่อแม่ เพื่อน พี่ น้อง ก็ได้เนอะ  ฟี๊วว ว..เพ้อตลอด 

เอาล่ะๆมาเข้าเรื่องกันดีกว่าเนอะ หลังจากห่างหายไปประมาณสิบกว่าวัน วันนี้น้ำก็มีเรื่องราวดีดีมาฝากเพื่อนๆอีกเช่นเคยค่ะ วันนี้จะขอนำเสนอเรื่องราว เกี่ยวกับสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งน้ำได้มีโอกาสไปมาเมื่อไม่นานมานี้เอง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น้ำประทับใจมาก ยกให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่แสนจะประทับใจในอับดับต้นๆได้เลย เริ่มอยากรู้แล้วใช่ม๊า มันคือที่ไหนกันน๊าา ..แท่น แทน แท๊น..ที่ดังกล่าวนี้ก็คือ

                                     ''ศูนย์ศิลปะวัฒนธรรมมอญ''




สถานที่ตั้ง:  ตั้งอยู่เลขที่ 112 ข หมู่ 9 ซ.บางกระดี่ ถ.พระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150 

   การเดินทาง:การไปยังชุมชนมอญบางกระดี่ หากขับรถมาทางถนนพระราม 2 มุ่งหน้าจังหวัดสมุทรสาคร หลังจากลงสะพานวงแหวนถนนพระราม 2 จะมีทางแยกเข้าถนนบางกระดี่ทางซ้ายมือ วิ่งไปตามถนนบางกระดี่จนเจอสะพานสูงข้ามคลองสนามชัย ลงสะพานไปจะเจอวัดบางกระดี่อยู่ทางขวามือ ส่วนชุมชนมอญบางกระดี่จะอยู่ริมคลองสนามชัยใกล้กับวัด

รถประจำทาง 68 105 รถปรับอากาศ: 68 76 105 140 141 529 จอดรถได้ที่บริเวณภายในวัด

ความเป็นมาและวัตถุประสงค์หลัก:ศูนย์ศิลปะวัฒนธรรมมอญเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นแห่งแรกของชุมชนมอญบางกระดี่เป็นแหล่งความรู้ในเรื่องประเพณีและความเชื่อของมอญ เช่นประเพณีการเกิด ประเพณีการรำผี ประเพณีการตาย เป็นต้น รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ เครื่องดนตรีเก่าแก่ของชาวมอญทั้งในประเทศไทยและพม่า จัดตั้งขึ้นเพื่อรื้อฟื้นประเพณีและวัฒนธรรมมอญอีกทั้งยังเป็นแหล่งรวบรวมความรู้ด้านมอญศึกษา ไม่จำกัดการศึกษาเฉพาะแค่เรื่องราวของคนมอญในเมืองไทย หากรวมถึงมอญประเทศพม่าด้วย โดยเปิดบริการแก่นักเรียนนักศึกษา กลุ่มข้าราชการ หรือประชาชนทั่วไป โดยไม่ต้องเสียธรรมเนียมเข้าชม แต่จะรับเงินจากการบริจาคด้วยความศรัทธาซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้ทางเดียวของศูนย์....

พร้อมที่จะไปสัมผัสวิถีชาวมอญกันรึยัง 

ถ้าพร้อมแล้วล่ะก็ Let'S Go !!!!


ก่อนจะเดินเข้าไปที่ศูนย์ดังกล่าว ขอแวะไหว้พระขอพร ณ วัดบางกระดี่ ก่อนนะคะ 


                               
วัดบางกระดี่เป็นวัดที่สร้างมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2420 ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5


ไหว้พระเสร็จแล้วเดิน เดิน เดิน ไปยังเป้าหมายของเราก็คือ ศูนย์ศิลปะวัฒนธรรมมอญนั่นเอง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากวัดมากนัก และในที่สุดเราก็มาถึง เย่เย่  
                 
     

พอไปถึงปุ๊บ น้ำและเพื่อนๆก็ได้เข้าไปทักทายและสอบถามข้อมูลจาก คุณป้าลำพู มอญดะ
(ผู้ให้ข้องมูลเกี่ยวกับชุมชนมอญบางกระดี่ วัฒนธรรม และศูนย์ศิลปวัฒนธรรมมอญ)
  โดยคุณป้าลำพูได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาของชุมชนมอญบางกระดี่ให้ฟัง และอธิบายถึงประเพณีวัฒนธรรมต่างๆของชาวมอญอย่างละเอียด


จากนั้นคุณป้าลำพูก็พาพวกเราเข้าไปยังศูนย์ศิลปะวัฒนธรรมมอญ โดยจะมีการนำเสนอผลงานในรูปพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นทั่วๆ ไป ซึ่งในส่วนนี้จะถูกจัดแสดงไว้ใต้ถุนบ้าน เกี่ยวกับรูปแบบวิถีชีวิต สิ่งที่แสดงถึงเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของชาวมอญ โดยจะมีคุณป้าลำพูบรรยายไปด้วยขณะพาเราเดินชม อาจจะแบ่งหมวดหมู่่ก็จำลองข้าวของที่ใช้ในวิถีชีวิตจริงๆ มาจัดแสดง เช่น ของที่ใช้ในพิธีกรรมไหว้ผี รำผี พิธีบวช พิธีการทำศพ พิธีการเกิด พิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัฏจักรของชีวิตอย่างงานไหว้ผีบรรพบุรุษ  เป็นต้น


 น้ำได้เก็บภาพสิ่งของบางส่วนที่จัดแสดงในศูนย์ศิลปวัฒนธรรมมอญ
มาฝากเพื่อนๆด้วย ไปชมกันเลยค่า













และนอกจากนี้น้ำและเพื่อนๆก็ได้มีโอกาสไปบ้านทะแยมอญ อ๊ะ งงใช่ม๊าา ว่ามันคืออะไร ??

บ้านทะแยมอญ (บ้านนายกัลยา ปุงบางกะดี่) ทะแยมอญเป็นวงดนตรีประเภทเครื่องสาย ที่มีนักร้องหญิงชายร้องโต้ตอบกัน บทร้องไม่หยาบคาย "ทะแยมอญ" เป็นคำที่คนไทยใช้เรียกการละเล่นหรือการแสดงของชาวมอญที่มีลักษณะเป็นเพลงปฏิพากย์คล้ายกับการเล่นเพลงพื้นเมืองของไทย เช่น เพลงลำตัด เพลงฉ่อย เพลงอีแซว และเพลงเรือ แต่ไม่มีการร้องหยาบคาย โดยจะมีนักร้องชาย-หญิง ร้องโต้ตอบกันเป็นคู่ ๆ พร้อมกับมีท่วงท่าลีลาร่ายรำประกอบ สำหรับคำร้องนั้นแต่เดิมเป็นภาษามอญล้วน ๆ แต่ปัจจุบันมีการประยุกต์คำร้องมีทั้งที่เป็นภาษามอญล้วน ๆ และภาษามอญปนไทยซึ่งมักใช้กับทำนองเพลงสมัยใหม่ เช่น เพลงลูกทุ่ง เป็นต้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวชาดกและหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เครื่องดนตรีหลักที่ใช้บรรเลงทะแยมอญมีด้วยกัน 5 ชิ้นได้แก่ โกร (ซอมอญ) จยาม (จะเข้มอญ) อะโลด (ขลุ่ยมอญ) ปุงตัง(เปิงมาง) และ หะเดหรือคะเด (ฉิ่ง) บางกระดี่ก่อตั้งมาหลายชั่วอายุคน ปัจจุบันเป็นวงทะแยมอญวงเดียวของประเทศไทย ชื่อคณะ หงส์ฟ้ารามัญ

วงทะแยมอญ คณะหงส์ฟ้ารามัญ



น้ำได้มีโอกาสได้ร่วมเป่าขลุ่ยมอญเพลงลอยกระทงร่วมกับคุณลุงกัลยา ปุงบางกะดี่
 (ผู้ดูแลคณะหงส์ฟ้ารามัญ)โดยคุณลุงสีซอมอญด้วยน๊า 
ดีใจจังบรรเลงออกมาเป็นเพลงด้วย ณ ส่วนนี้น้ำประทับใจเป็นอย่างมาก(อยากโม้อ๊ะ ฮ่าๆ)>_<

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อนๆ ถ้าเป็นไปได้น้ำอยากจะเชิญชวนให้เพื่อนๆลองไป  ณ ที่แห่งนี้ดูนะคะ ไปสัมผัสวีถีชีวิตความเป็นชาวมอญ ซึ่งน้ำรับรองได้เลยว่าถ้าเพื่อนๆ ได้ลองไป ก็จะรู้จักแล้วก็จะหลงรักวัฒนธรรมความเป็นมอญแบบไม่รู้ตัวเลยทีเดียว เสน่ห์ชาวมอญ เสนห์ที่ไม่ว่าใครจะต้องหลงรักอย่างแน่นอน ....

   จากการไปแหล่งเรียนรู้ ณ ศูนย์ศิลปะวัฒนธรรมมอญที่บางกระดี่นี้ ...สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษา เน้นเกี่ยวกับเรื่องวิถีความเป็นอยู่ ประเพณี วัฒนธรรมเพื่อให้นักเรียนได้ศึกษาถึงเอกลักษณ์ของชนชาติเหล่านี้ และเพื่อเป็นการสืบสานอนุรักษ์มรดกของชาติให้คงอยู่สืบต่อไป 

เอาล่ะค่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อนน๊าา ไว้เจอกันใหม่คราวหน้าเน้อ อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ  เป็นห่วงจากใจเลยค่ะ บ๊ายบาย 



วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557

สื่อโดนใจ..กระตุ้นจิตสำนึกสิงห์อมควัน



สวัสดีค่าเพื่อนๆชาวบล็อกทุกท่าน.....

       ♪ ♫  สบายดีไหม จะไปทางไหน เดินมายังไง มากับใครหรือเปล่า  ♪ ♫ ♬  
( ฮี๊วว มาเป็นเพลงอีกล้ะ) คิดถึงกันบ้างไหมเนี่ย ลืมกันซะแล้วม้างเนี่ยหยุดปีใหม่หลายวันเกิน ฮี่ฮี่..
วันนี้น้ำก็มีอะไรดีดีมาแบ่งปันอีกเช่นเคยเน้อ..นี่ก็เริ่มเข้าสู่ปีใหม่2014กันแล้ว หลายๆคนยึดถือเอาวันปีใหม่เป็นฤกษ์งามยามดีในการที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ก้าวไปสู่สิ่งที่ดีดี..และน้ำก็เชื่อว่ามีหลายคนที่คิดว่า   ''เอาล่ะ ปีใหม่นี้ฉัน/ผม จะเลิกสูบบุหรี่แล้วนะ''  แหม..ถ้ามันเลิกกันง่ายๆก็ดีนะซิเนอะ จะเห็นได้ว่ามีการนำเสนอสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์เกี่ยวกับการรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ ให้ตระหนักถึงโทษของบุหรี่ มากมายหลายโฆษณา ซึ่งเท่าที่น้ำดูมา ก็รู้สึกประทับใจกับสื่อโฆษณาตัวนี้มากที่สุด

        เจ้าตัวสื่อโฆษณาที่ว่านี้มีชื่อว่า ''Smoking Kid '' เพื่อนๆหลายๆคนคงได้ดูกันทางโทรทัศน์บ้างแล้วโดยส่วนตัวน้ำรู้สึกประทับใจตั้งแต่ดูครั้งแรก เพราะรู้สึกว่าเป็นสื่อโฆษณาที่เข้าถึงจิตใจผู้บริโภคได้ดี ทำให้ตระหนักและเข้าใจถึงภัยอันตรายที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ไม่เพียงแต่ตัวผู้สูบเท่านั้น แต่ผู้คนที่อยู่ข้างเคียงก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย โดยสื่อโฆษณาดังกล่าวมีความยาว 1.43 นาที ถูกสร้างโดยบริษัทโอกิลวี เอเชีย  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ของหน่วยงานด้านสุขภาพแห่งหนึ่งของไทย  เอาล่ะ... ลองคลิกเข้าไปชมสื่อโฆษณาตัวนี้กันหน่อยเร้วววว ....
    

        สำหรับเนื้อหาในสื่อโฆษณาดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงหนูน้อยชายและหญิงรวม 2 คน เดินตรงเข้าไปหาบรรดาผู้ใหญ่ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ตามสถานที่สาธารณะต่างๆ พร้อมถามคำถามบรรดาสิงห์อมควันเหล่านั้น ว่า “ขอไฟจุดบุหรี่ให้หนูบ้างได้ไหม?” โดยเนื้อหาในภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ ได้แสดงให้เห็นปฏิกิริยาของผู้ใหญ่ที่กำลังสูบบุหรี่ ซึ่งต่างปฏิเสธคำขอของหนูน้อย พร้อมทั้งอธิบายถึงพิษภัยนานัปการของบุหรี่ที่มีต่อสุขภาพให้ฟัง (สังเกตได้จากคำพูด เช่น' หนูจะสูบเองจริงๆเหรอ ,ไม่ให้นะ, อย่าสูบเลย มันมียาฆ่าแมลงอยู่ในบุหรี่ด้วยนะ, สูบแล้วหน้าแก่นะ,สูบบุหรี่แล้วตายเร็วไม่อยากอยู่นานๆเหรอ, ไม่ดีรู้เปล่า..สูบแล้วเป็นทั้งมะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง เส้นเลือดในสมองแตก) ก่อนที่เด็กน้อยจะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีข้อความว่า “ไม่ดีแล้วพี่สูบทำไม ห่วงหนูแล้วทำไมไม่เคยห่วงตัวเอง” ให้กับพวกเขาเหล่านั้น ทำเอาผู้ใหญ่ที่กำลังสูบบุหรี่ในภาพยนตร์โฆษณาถึงกับอึ้งไปตามๆ กัน และเป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่มีผู้ใดที่ทิ้งกระดาษแผ่นดังกล่าวเลยแม้แต่รายเดียว
       
         เพื่อนๆดูจบแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับน้ำคิดว่าสื่อโฆษณาตัวนี้จเป็นสื่อตัวหนึ่งที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นความรู้สึกของผู้ที่สูบบุหรี่ให้ฉุกคิดขึ้นมาได้บ้างว่าโทษของบุหรี่มันร้ายแรงเพียงใดมีแต่จะให้โทษทำร้ายทั้งตัวผู้สูบเองและคนรอบข้าง ที่น่าคิดก็คือค็อนเซ็ปสื่อตโฆษณาตัวนี้ให้ตัวเด็กซึ่งเป็นวัยที่มีทั้งความคิดที่บริสทุธิ์ไร้เดียงสา และจะเติบโตไปเป็นอนาคตของชาติ แต่กลับต้องมาเห็นการกระทำของผู้ใหญ่บางคนที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่แล้วเด็กจะไม่เกิดการเลียนแบบหรือ ? ผู้ใหญ่ในโฆษณาดังกล่าว(รวมไปถึงเรื่องจริงในสังคมหลายคน) ทราบดีอยู่แก่ใจว่าสูบบหรี่ก็มีแต่จะให้โทษ มันน่าคิดตรงที่ว่าในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าไม่ดีแล้วยังจะสูบทำไม ในเมื่อคุณไม่อยากให้คนรอบข้างต้องสูบ เป็นห่วงคนอื่น แต่ทำไมไม่เป็นห่วงตัวคุณเอง และอีกมุมมองจะเห็นได้ว่าการที่เราจะไปสอนคนอื่นนั้น ดังเช่นผู้ใหญ่ในโฆษณาสอนเด็ก เราก็ควรจะทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีก่อน..

        จริงอยู่ที่สื่อโฆษณาอาจจะไม่ใช่หนทางที่จะกำจัดบุหรี่ออกจากสังคมไทย หากแต่อยู่ที่กำลังใจ และความมุ่งมั่นของตัวบุคคลนั้นๆ เองด้วย ว่าเขาจะตัดสินใจเลือกที่จะเดินออกจากแวดวงบุหรี่หรือไม่ น้ำเองก็ได้แต่หวังว่าหากใครได้ดูสื่อโฆษณาดังกล่าวแล้วจะหันมาฉุกคิดถึงพิษภัยของบุหรี่ และมีความตั้งใจจะเลิกพฤติกรรมดังกล่าวอย่างจริงจังกันบ้างไม่มากก็น้อยเน้อ  วันนี้ก็พอเท่านี้ก่อนล้ะกันเนอะ ไว้โอกาสหน้าเฝ้าติดตามกันดีดีนะคะว่าน้ำจะมีเรื่องอะไรมาเล่าสู่กันฟังอีก บ๊ายบายค่า ^_^
     





ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/around/ViewNews.aspx?NewsID=955000007744
 

  ไม่ใช้ ไม่รับ ไม่สนับสนุนโฆษณายาสูบร้าย ทำลายชีวิต
 (Ban tobacco advertising, promotion and sponsorship)
คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2556


วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

โอนเงินผ่านเน็ตสบ๊ายสบาย สะดวก รวดเร็ว ทันใจ ^__^

       

'' ผ่านลมหนาว จะกี่คราวก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีใครให้ใจอุ่น

อยากจะหา คนที่ทำให้ใจสมดุลย์ แต่ไม่เคยสมหวังสักที''

(ท่อนหนึ่งจากเพลง ลมหนาว ของคุณ ปราโมทย์ วิเลปะนะ)

        แหม่..เพลงช่างเข้ากับรรยากาศตอนนี้เหลือเกิ๊น หนาวๆเหงาๆกับใจหงอยๆ เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อนๆชาวบล๊อก สบายดีกันไหมเอ่ย ช่วงนี้อากาศหน๊าวหนาว ปรับตัวไม่ค่อยจะทัน หวัดเลยมาเยือน ไอ ค่อกๆแค่กๆแต่ก็ยังดีกว่าอากาศร้อนเนอะ อากาศเปลี่ยนไป ใจคนที่เคยรู้จักรู้ใจกันก็เปลี่ยน TT' (เข้าโหมดดราม่าซะงั้น)  เวลาเปลี่ยนอะไรๆมันก็เปลี่ยน ...อิอิ เพ้อไปเรื่อย

        เอา่ล่่ะๆน้ำว่าเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า   ...จะว่าไปแล้วเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันสะดวกหลือเกิน อะไรๆก็ดูง่ายดายไปซะหมด น้ำขอยกตัวอย่างเรื่องใกล้ตัวเลยละกัน วันก่อนคุณแม่ที่รักขอช่วยให้ไปโอนเงินให้คุณป้าที่อยู่ต่างจังหวัด บังเอิ๊ญบังเอิญฝนเจ้ากรรมก็ดันตกทั้งวันจะออกไปข้างนอกก็กระไรอยู่ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ในบัดดล ว่าเฮ่ยย เราโอนเงินผ่านเน็ตก็ได้นี่นา ใช่แล้วล่ะเพื่อนๆการทำธุรกรรมทางการเงินไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป โดยส่วนตัวน้ำใช้บริการของธนาคารไทยพานิชย์อยู่ เลยไม่รอช้ารีบต่ออินเตอร์เน็ตเข้าหน้าเว็บไซต์โดยทันที จากนั้นก็ไม่ยากเพียงทำตามขั้นตอนของระบบ สำหรับในส่วนของธนาคารไทยพานิชย์น้ำก็ได้สมัครบริการ SCB ESY NET ไว้ เลือกเมนูโอนเงิน โดยเลือกบัญชีบุคคลอื่นในSCB  เลือกบัญชีที่เงินออกและเลือกบัญชีที่โอนเงินเข้า ระบุจำนวนเงิน ตรวจสอบว่าข้อมูลถูกต้องไหมจากนั้นก็กดยืนยันการโอน เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย และถ้าต้องการใบแสดงการโอนก็สมารถปริ๊นได้ ณ ตอนนั้นเลย เห็นไหมละ เพื่อนๆ ว่ามันสะดวกและรวดเร็ว ขั้นตอนก็ง่ายมากเลย


ขอขอบคุณรูปภาพจากhttps://www.scbeasy.com/v1.4/site/presignon/index.asp

        เท่านี้ยังไม่พอน๊าา ประโยชน์มากมายมหาศาลยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ นอกจากนี้ทางธนาคารก็มี SCB Easy Application ซึ่งเป็นบริการธนาคารออนไลน์รูปแบบใหม่สำหรับลูกค้าที่ใช้งานโทรศัพท์สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต  สะดวกและง่ายกว่าด้วยความสามารถในการทำธุรกรรมเสมือนล็อคอินเข้าใช้งานผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมบริการเสริมอีกมากมาย เช่น สามารถหาที่ตั้งของสาขาหรือตู้ ATM  ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นต้น สะดวกเลยค่ะรองรับหมดทั้งไอแพด ไอโฟน แท๊บเล็ตเพียงเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็สามารถใช้งานได้ทันทีด้วย Login Name และ Password เดียวกับ SCB Easy Net โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ และมั่นใจได้ว่าทุกธุรกรรมปลอดภัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานสูงเทียบเท่า SCB Easy Net


ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.scbcreditcard.com/online/scbeasyapp/

        เห็นมั้ยละค๊าว่าทุกวันนี้เทคโลยีสารสนเทศมีประโยชน์กับเราๆท่านๆมากมายเพียงใด  ดีใจจังเลย นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปไม่ว่าจะเป็นโอนเงิน เติมเงินโทรศัพท์มือถือ ชำระค่าน้ำค่าไฟชำระค่าบริการต่างๆ รวมไปถึงสำรองที่นั่งกวดวิชาต่างๆ กลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย สะดวกรวดเร็วทันใจจริงๆ น้ำปลื้มค่าาา ไว้คราวหน้าน้ำมีอะไรดีก็จะมาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟังอีกนะคะ ..ฮี่ฮี่ ตอนนี้ก็ขอตัวไปนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มกับอากาศหนาวๆก่อนนะคะ บ๊ายบายคร่าาา :D

ขอขอบคุณข้อมูจากhttps://www.scbeasy.com/v1.4/site/presignon/th/srv/srv.asp



นี่ก็ใกล้จะปีใหม่อีกแล้วน้ำขอสวัสดีปีใหม่ 2557 เลยล้ะกันน๊า
        
        ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่2557 น้ำก็ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย  โปรดดลบันดาลให้เพื่อนชาวบล็อกและครอบครัว จงประสบแต่ความสุข ความสำเร็จสมบูรณ์ พูลลาภ ในสิ่งอันพึงปรารถนา ตลอดไป...                        









วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

อีเมล์ลูกโซ่ อันตรายที่มองไม่เห็น


   
    ฮาโหลวว..สวัสดีคร่าเพื่อนๆชาวบล็อกทุกท่าน วันนี้กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ หลังจากที่ไม่ได้อัพบล็อกซะหลายวันเลย กลับมาคราวนี้ น้ำก็มีเรื่องราวที่อยากจะนำมาแชร์ให้เพื่อนๆได้มาลองวิเคราะห์กันดูน๊า..


      ก็เนอะ อย่างที่รู้ๆกันว่าโลกไซเบอร์ ณ ปัจจุบันนี้ไวยิ่งกว่าความจรวดซะอีก เผลอแป๊บๆ ข้อมูลข่าวสารก็เผยแพร่กันทั่วซะแล้ว โดยบางครั้งเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้อมูลที่เราได้รับนั้นจริงเท็จแค่นั้น และยังไม่ทันไรก็ได้เผยแพร่ข้อมูลนั้นไปให้คนอื่นต่อๆกันซะแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อีเมล์ ที่กลายเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารที่เป็นที่นิยมกันอย่างทั่วโลก นอกจากประโยชน์มหาศาลที่อีเมล์มีให้แล้ว โทษที่เกิดจากการใช้อีเมล์ในทางที่ไม่เหมาะสมก็มีให้เห็นเช่นเดียวกัน 

     และที่น้ำจะหยิบยกมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ก็คือ  อีเมล์ลูกโซ่ หรือ Forward Mail นั่นเอง ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับ เจ้าอีเมล์ลูกโซ่กันซักหน่อยดีกว่าเนาะ

     '' อีเมล์ลูกโซ่ คืออีเมล์ที่เขียนขึ้นด้วยวัตถุประสงค์หลักเพียงอย่างเดียวคือ เพื่อให้ผู้อ่านอ่านแล้วส่งต่อให้กับผู้อื่นมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องหลอกลวงที่แต่งขึ้นเพื่อสร้างสถานการณ์ให้ผู้รับรู้สึกถึงความจำเป็นที่จะส่งอีเมล์ต่อ ''

      น้ำจะขอยกตัวอย่างข่าวเกี่ยวกับอีเมล์ลูกโซ่ที่เคยเป็นประเด็นก่อนหน้านี้นะคะ ซึ่งได้พิสูจน์จากแหล่งที่มาแล้วว่าเป็นข่าวที่เป็นเท็จ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด มาดูกันที่ข่าวแรก กันเลยค่ะ

 1. อีเมล์ลูกโซ่ ที่มีเนื้อหาใจความโดยเขียนเป็นภาษาอังกฤษพร้อมแสดงภาพกราฟฟิก ว่าจะเกิดมหาภัยคลื่นยักษ์สึนามิโถมซัดถล่มชายฝั่งหลายประเทศทั่วเอเชีย โดยมีสาเหตุมาจากเกิดปรากฏการณ์ "สุริยุปราคา" ขึ้น ส่งผลให้แรงดึงดูดโลกเปลี่ยนแปลงถึงขั้นทำให้ "เปลือกโลก" ใต้มหาสมุทรแปซิฟิกขยับแยกออกจากกัน และเป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
รายละเอียดที่มาของข่าว : http://webboard.yenta4.com/topic/310232


 2.อีเมล์ลูกโซ่ ที่มีเนื้อหาใจความว่า มีแก๊งรถตู้หั่นศพอาละวาดที่จังหวัดสุรินทร์ โดยตระเวนจับเด็กและผู้ใหญ่ไปฆ่าและผ่าอวัยวะภายในเป็นชิ้นๆ
รายละเอียดที่มาของข่าว:http://www.mirror.or.th/autopagev4/show_page.php?topic_id=966&auto_id=10&TopicPk=

      จากที่น้ำได้ยกตัวอย่างข่าวที่ไปข้างต้นนั้น จะเห็นได้ว่า อีเมล์ลูกโซ่ดังกล่าว เมื่อตรวจสอบแล้วไม่มีความจริงแต่อย่างใด โดย
มีความผิดตาม พ.ร.บ.การกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์  2551 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว โดยในมาตรา 14 ระบุว่า ผู้ใดนำเข้าสู่คอมพิวเตอร์  ซึ่งมีข้อมูลอันเป็นเท็จสร้างความเสียหายหรือความตื่นตระหนกจะถูกลงโทษจำคุก 5 ปี และในมาตรา 14 (5) บอกว่า หากผู้ใดเผยแพร่ต่อให้ผู้อื่นก็ถือว่ามีความผิดด้วย  ซึ่งนอกจากจะมีความผิดทาง พ.ร.บ. แล้วยังสร้างความตื่นตระหนกตกใจ วิตกจริตให้กับคนที่อยู่ในพื้นที่เป็นอย่างมาก ความน่ากลัวของอีเมล์ลูกโซ่นี้ก็คือมันสามารถเข้าถึงผู้รับได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยที่บางครั้งเราไม่สามารถทราบต้นตอแหล่งที่มาได้เลย ว่าใครเป็นคนที่สร้างข้อมูลสร้างข่าวขึ้นมาแล้วเป็นผู้เผยแพร่ เพราะตรวจสอบได้ยากมาก

      โดยส่วนตัวน้ำคิดว่า ทางที่ดีที่สุดก็คือ ถ้าเราได้รับอีเมล์ลูกโซ่ดังกล่าว เราควรที่จะมีสติ แล้วพยายามพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของข้อมูลข่าวสารว่ามีความจริงเท็จแค่ไหน อาจโดยการหาข้อมูลจากแหล่งอื่นประกอบด้วย และไม่ควรมีความตื่นตระหนกตกใจไปก่อนและที่สำคัญที่สุดคือ หากไม่มั่นใจก็ไม่ควรที่จะส่งต่อให้กับผู้อื่นเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เข้าใจผิดสร้างความเดือดร้อนกันไปใหญ่ 
      
      ในเมื่อรู้เช่นนี้แล้ว น้ำก็ฝากเพื่อนๆชาวบล็อกทุกท่านจงระมัดระวังภัยมืดจากอีเมล์ลูกโซ่กันด้วยนะค้าา คราวหน้าน้ำจะมีอะไรมาแบ่งปันก็อย่าลืมติดตามกันน๊าาา ไปก่อนนะจ๊ะ ชะแว๊บบบบ !!







วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Real stories --- >> About Me ^__^








        สวัสดีครับเราเคยรู้จักกันรึเปล่า หน้าตาคุ้นๆแต่ผมมองคุณน่ะไม่ค่อยชัด เงยหน้าสักนิดให้ผมมีสิทธื์ได้รู้จัก ฮี่ๆๆ มาเป็นเพลงเลยเน้อ เอ้า !กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องทุกคนนะคะ ตัวดิฉันนั้นมีชื่อจริงที่ไพเราะเสนาะหูว่า น.ส.น้ำฟ้า  (ชื่อนี้มีที่มา..เนื่องจากตอนเกิดนั้นฝนตกหนักมากๆคุณย่าเลยจะตั้งชื่อให้ว่า น้ำฝน แต่คุณพ่อบอกว่าน้ำฝนมีคนชื่อเยอะแล้ว ชื่อ น้ำฟ้า ดีกว่า ..แปลว่า น้ำที่ตกลงมาจากฟ้านั่นเอง คริๆ น่ารักป๊ะล๊าา)  ปัจจุบัน กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่3 คณะศึกษาศาสตร์ สาขาจิตวิทยาการแนะแนว มหาวิทยาศรีนครินทรวิโรฒ หรือ เป็นที่รู้จักกันในนาม มศว นั่นเอง ...

       ณ จุดๆนี้ขออนุญาตแทนตัวเองว่าน้ำละกันนะคะ น้ำเป็นคนสบายๆ ลุยๆ ถึงไหนถึงกัน ไม่ชอบอยู่เฉยๆ ชอบเข้าสังคม ชอบในการออกไปพบปะผู้คน และสร้างสัมพันธภาพใหม่ๆ เพราะน้ำคิดว่าการทำความรู้จักกับบุคคลหลายๆคนนั้น จะทำให้เราได้เห็นมุมมองต่างๆที่หลากหลายในการใช้ชีวิตมากขึ้น ชอบที่จะศึกษาค้นคว้าอะไรใหม่ๆอยู่เสมอ อยากลองโน่น นี่เยอะแยะไปหมด แต่บางครั้งก็กลับเบื่อขึ้นมาง่ายๆซะงั้น เห็นหน้าตาน้ำอย่างนี้ ขอบอกว่าชอบไปวัด ทำบุญ ว่างเมื่อไหร่ก็จะไปทำบุญ ชอบอ่านหนังสือธรรมะมากถึงมากที่สุด เพราะน้ำคิดว่าการที่เราศึกษาธรรมะ นอกจากจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเราแล้ว ยังช่วยให้เรามีสติ มีจิตใจที่ผ่องใส และช่วยให้ดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาทอีกด้วย


        สำหรับอาหารที่น้ำโปรดปรานที่สุดในชีวิตมีอยู่ 2 อย่างด้วยกัน อย่างแรกเลยก็คือ เครื่องดื่มประเภทชาทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็น ชาเย็น ชาเขียว ชาเนสที กินทุกวันจนจะเป็นเบาหวานอยู่แล้วมั้งเนี่ย ถึงขั้นเสพติดเลยก็ว่าได้ ฮ่าๆ และอย่างที่สองก็คือ ปลาแซลมอน นั่นเอง ชอบจริงๆ จิ้มวาซาบิ จิ้มซอสโชยุ อ๊าา ฟินนาเล่สุดๆ ใครชวนบุฟฟ่งบุฟเฟต์นี่ไปหมดเลยนะ ซูกิชิ ชาบูชิ โออิชิ ยาโยอิ เซน อิชิตัน ฟูจิ ขอให้ชวน ไปโล่ดด (แต่ชวนตอนมีเงินด้วยนะ ฮี่ๆ) ก็เลยทำให้รายได้ในแต่ละเดือนหมดไปกับเรื่องกินนี่แหละ ต้นเดือนก็กินอย่างกับพระราชา พอกลางเดือนไปจนถึงปลายเดือนก็มาม่าสิครับพี่น้อง 

        ความใฝ่ฝันในอนาคต ก็อยากจะนำความรู้ที่ได้จากการร่ำเรียนมาไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ถ้ามีโอกาสก็อยากจะท่องเที่ยวรอบโลก ไปให้ทุกประเทศเลย 5555  และก็ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเปิดกิจการร้านกาแฟเล็กๆเป็นของตัวเอง บั้นปลายชีวิตก็อยากจะเลี้ยงดูตอบแทนพระคุณท่านพ่อท่านแม่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สู้ๆ :D


         เอาล่ะ ก็รู้จักน้ำกันมากขึ้นละเนอะ นี่เป็นการเขียนบล็อกครั้งแรกในชีวิตของน้ำเลยนะเนี่ย ตื่นเต้นดีจัง ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวฝากใจฝากตับฝากไตด้วยนะค้า  ขอบพระคุณนะคะที่เข้ามาติดตามกันน๊า ไว้โอกาสหน้าถ้าน้ำมีเรื่องราวดีๆก็จะนำมาแบ่งปันให้ทุกๆคนเน้อ วันนี้ขอตัวก่อนนะคะ บ๊ายบายค่ะ ...