วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

แหล่งเรียนรู้ (จัก) แล้วจะรักมอญ...





สวัสดี...เดือนกุมภาพันธ์...เดือนแห่งความรัก



เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อนๆ เดือนนี้ทีไรเศร้าใจทุกที ฮ่าๆ ก็แหม เนอะ น้ำก็เป็นมนุษย์ที่มีหัวใจคนนึงก็อยากจะมีโมเมนต์ที่ได้รับดอกไม้จากชายหนุ่มกับเค้าบ้าง แต่ก็คงได้แต่คิดและฝันไป (ดราม่าอีกล้ะ5555) จริงๆแล้ววันวาเลนไทน์นี่ไม่จำเป็นต้องแสดงความรักกับคนรักที่เรียกว่า แฟน เสมอไปก็ได้นา เราอาจจะมอบความรักให้กับพ่อแม่ เพื่อน พี่ น้อง ก็ได้เนอะ  ฟี๊วว ว..เพ้อตลอด 

เอาล่ะๆมาเข้าเรื่องกันดีกว่าเนอะ หลังจากห่างหายไปประมาณสิบกว่าวัน วันนี้น้ำก็มีเรื่องราวดีดีมาฝากเพื่อนๆอีกเช่นเคยค่ะ วันนี้จะขอนำเสนอเรื่องราว เกี่ยวกับสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งน้ำได้มีโอกาสไปมาเมื่อไม่นานมานี้เอง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น้ำประทับใจมาก ยกให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่แสนจะประทับใจในอับดับต้นๆได้เลย เริ่มอยากรู้แล้วใช่ม๊า มันคือที่ไหนกันน๊าา ..แท่น แทน แท๊น..ที่ดังกล่าวนี้ก็คือ

                                     ''ศูนย์ศิลปะวัฒนธรรมมอญ''




สถานที่ตั้ง:  ตั้งอยู่เลขที่ 112 ข หมู่ 9 ซ.บางกระดี่ ถ.พระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ 10150 

   การเดินทาง:การไปยังชุมชนมอญบางกระดี่ หากขับรถมาทางถนนพระราม 2 มุ่งหน้าจังหวัดสมุทรสาคร หลังจากลงสะพานวงแหวนถนนพระราม 2 จะมีทางแยกเข้าถนนบางกระดี่ทางซ้ายมือ วิ่งไปตามถนนบางกระดี่จนเจอสะพานสูงข้ามคลองสนามชัย ลงสะพานไปจะเจอวัดบางกระดี่อยู่ทางขวามือ ส่วนชุมชนมอญบางกระดี่จะอยู่ริมคลองสนามชัยใกล้กับวัด

รถประจำทาง 68 105 รถปรับอากาศ: 68 76 105 140 141 529 จอดรถได้ที่บริเวณภายในวัด

ความเป็นมาและวัตถุประสงค์หลัก:ศูนย์ศิลปะวัฒนธรรมมอญเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นแห่งแรกของชุมชนมอญบางกระดี่เป็นแหล่งความรู้ในเรื่องประเพณีและความเชื่อของมอญ เช่นประเพณีการเกิด ประเพณีการรำผี ประเพณีการตาย เป็นต้น รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ เครื่องดนตรีเก่าแก่ของชาวมอญทั้งในประเทศไทยและพม่า จัดตั้งขึ้นเพื่อรื้อฟื้นประเพณีและวัฒนธรรมมอญอีกทั้งยังเป็นแหล่งรวบรวมความรู้ด้านมอญศึกษา ไม่จำกัดการศึกษาเฉพาะแค่เรื่องราวของคนมอญในเมืองไทย หากรวมถึงมอญประเทศพม่าด้วย โดยเปิดบริการแก่นักเรียนนักศึกษา กลุ่มข้าราชการ หรือประชาชนทั่วไป โดยไม่ต้องเสียธรรมเนียมเข้าชม แต่จะรับเงินจากการบริจาคด้วยความศรัทธาซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้ทางเดียวของศูนย์....

พร้อมที่จะไปสัมผัสวิถีชาวมอญกันรึยัง 

ถ้าพร้อมแล้วล่ะก็ Let'S Go !!!!


ก่อนจะเดินเข้าไปที่ศูนย์ดังกล่าว ขอแวะไหว้พระขอพร ณ วัดบางกระดี่ ก่อนนะคะ 


                               
วัดบางกระดี่เป็นวัดที่สร้างมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2420 ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5


ไหว้พระเสร็จแล้วเดิน เดิน เดิน ไปยังเป้าหมายของเราก็คือ ศูนย์ศิลปะวัฒนธรรมมอญนั่นเอง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากวัดมากนัก และในที่สุดเราก็มาถึง เย่เย่  
                 
     

พอไปถึงปุ๊บ น้ำและเพื่อนๆก็ได้เข้าไปทักทายและสอบถามข้อมูลจาก คุณป้าลำพู มอญดะ
(ผู้ให้ข้องมูลเกี่ยวกับชุมชนมอญบางกระดี่ วัฒนธรรม และศูนย์ศิลปวัฒนธรรมมอญ)
  โดยคุณป้าลำพูได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาของชุมชนมอญบางกระดี่ให้ฟัง และอธิบายถึงประเพณีวัฒนธรรมต่างๆของชาวมอญอย่างละเอียด


จากนั้นคุณป้าลำพูก็พาพวกเราเข้าไปยังศูนย์ศิลปะวัฒนธรรมมอญ โดยจะมีการนำเสนอผลงานในรูปพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นทั่วๆ ไป ซึ่งในส่วนนี้จะถูกจัดแสดงไว้ใต้ถุนบ้าน เกี่ยวกับรูปแบบวิถีชีวิต สิ่งที่แสดงถึงเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของชาวมอญ โดยจะมีคุณป้าลำพูบรรยายไปด้วยขณะพาเราเดินชม อาจจะแบ่งหมวดหมู่่ก็จำลองข้าวของที่ใช้ในวิถีชีวิตจริงๆ มาจัดแสดง เช่น ของที่ใช้ในพิธีกรรมไหว้ผี รำผี พิธีบวช พิธีการทำศพ พิธีการเกิด พิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัฏจักรของชีวิตอย่างงานไหว้ผีบรรพบุรุษ  เป็นต้น


 น้ำได้เก็บภาพสิ่งของบางส่วนที่จัดแสดงในศูนย์ศิลปวัฒนธรรมมอญ
มาฝากเพื่อนๆด้วย ไปชมกันเลยค่า













และนอกจากนี้น้ำและเพื่อนๆก็ได้มีโอกาสไปบ้านทะแยมอญ อ๊ะ งงใช่ม๊าา ว่ามันคืออะไร ??

บ้านทะแยมอญ (บ้านนายกัลยา ปุงบางกะดี่) ทะแยมอญเป็นวงดนตรีประเภทเครื่องสาย ที่มีนักร้องหญิงชายร้องโต้ตอบกัน บทร้องไม่หยาบคาย "ทะแยมอญ" เป็นคำที่คนไทยใช้เรียกการละเล่นหรือการแสดงของชาวมอญที่มีลักษณะเป็นเพลงปฏิพากย์คล้ายกับการเล่นเพลงพื้นเมืองของไทย เช่น เพลงลำตัด เพลงฉ่อย เพลงอีแซว และเพลงเรือ แต่ไม่มีการร้องหยาบคาย โดยจะมีนักร้องชาย-หญิง ร้องโต้ตอบกันเป็นคู่ ๆ พร้อมกับมีท่วงท่าลีลาร่ายรำประกอบ สำหรับคำร้องนั้นแต่เดิมเป็นภาษามอญล้วน ๆ แต่ปัจจุบันมีการประยุกต์คำร้องมีทั้งที่เป็นภาษามอญล้วน ๆ และภาษามอญปนไทยซึ่งมักใช้กับทำนองเพลงสมัยใหม่ เช่น เพลงลูกทุ่ง เป็นต้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวชาดกและหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เครื่องดนตรีหลักที่ใช้บรรเลงทะแยมอญมีด้วยกัน 5 ชิ้นได้แก่ โกร (ซอมอญ) จยาม (จะเข้มอญ) อะโลด (ขลุ่ยมอญ) ปุงตัง(เปิงมาง) และ หะเดหรือคะเด (ฉิ่ง) บางกระดี่ก่อตั้งมาหลายชั่วอายุคน ปัจจุบันเป็นวงทะแยมอญวงเดียวของประเทศไทย ชื่อคณะ หงส์ฟ้ารามัญ

วงทะแยมอญ คณะหงส์ฟ้ารามัญ



น้ำได้มีโอกาสได้ร่วมเป่าขลุ่ยมอญเพลงลอยกระทงร่วมกับคุณลุงกัลยา ปุงบางกะดี่
 (ผู้ดูแลคณะหงส์ฟ้ารามัญ)โดยคุณลุงสีซอมอญด้วยน๊า 
ดีใจจังบรรเลงออกมาเป็นเพลงด้วย ณ ส่วนนี้น้ำประทับใจเป็นอย่างมาก(อยากโม้อ๊ะ ฮ่าๆ)>_<

เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อนๆ ถ้าเป็นไปได้น้ำอยากจะเชิญชวนให้เพื่อนๆลองไป  ณ ที่แห่งนี้ดูนะคะ ไปสัมผัสวีถีชีวิตความเป็นชาวมอญ ซึ่งน้ำรับรองได้เลยว่าถ้าเพื่อนๆ ได้ลองไป ก็จะรู้จักแล้วก็จะหลงรักวัฒนธรรมความเป็นมอญแบบไม่รู้ตัวเลยทีเดียว เสน่ห์ชาวมอญ เสนห์ที่ไม่ว่าใครจะต้องหลงรักอย่างแน่นอน ....

   จากการไปแหล่งเรียนรู้ ณ ศูนย์ศิลปะวัฒนธรรมมอญที่บางกระดี่นี้ ...สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษา เน้นเกี่ยวกับเรื่องวิถีความเป็นอยู่ ประเพณี วัฒนธรรมเพื่อให้นักเรียนได้ศึกษาถึงเอกลักษณ์ของชนชาติเหล่านี้ และเพื่อเป็นการสืบสานอนุรักษ์มรดกของชาติให้คงอยู่สืบต่อไป 

เอาล่ะค่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อนน๊าา ไว้เจอกันใหม่คราวหน้าเน้อ อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ  เป็นห่วงจากใจเลยค่ะ บ๊ายบาย 



วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557

สื่อโดนใจ..กระตุ้นจิตสำนึกสิงห์อมควัน



สวัสดีค่าเพื่อนๆชาวบล็อกทุกท่าน.....

       ♪ ♫  สบายดีไหม จะไปทางไหน เดินมายังไง มากับใครหรือเปล่า  ♪ ♫ ♬  
( ฮี๊วว มาเป็นเพลงอีกล้ะ) คิดถึงกันบ้างไหมเนี่ย ลืมกันซะแล้วม้างเนี่ยหยุดปีใหม่หลายวันเกิน ฮี่ฮี่..
วันนี้น้ำก็มีอะไรดีดีมาแบ่งปันอีกเช่นเคยเน้อ..นี่ก็เริ่มเข้าสู่ปีใหม่2014กันแล้ว หลายๆคนยึดถือเอาวันปีใหม่เป็นฤกษ์งามยามดีในการที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ก้าวไปสู่สิ่งที่ดีดี..และน้ำก็เชื่อว่ามีหลายคนที่คิดว่า   ''เอาล่ะ ปีใหม่นี้ฉัน/ผม จะเลิกสูบบุหรี่แล้วนะ''  แหม..ถ้ามันเลิกกันง่ายๆก็ดีนะซิเนอะ จะเห็นได้ว่ามีการนำเสนอสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์เกี่ยวกับการรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ ให้ตระหนักถึงโทษของบุหรี่ มากมายหลายโฆษณา ซึ่งเท่าที่น้ำดูมา ก็รู้สึกประทับใจกับสื่อโฆษณาตัวนี้มากที่สุด

        เจ้าตัวสื่อโฆษณาที่ว่านี้มีชื่อว่า ''Smoking Kid '' เพื่อนๆหลายๆคนคงได้ดูกันทางโทรทัศน์บ้างแล้วโดยส่วนตัวน้ำรู้สึกประทับใจตั้งแต่ดูครั้งแรก เพราะรู้สึกว่าเป็นสื่อโฆษณาที่เข้าถึงจิตใจผู้บริโภคได้ดี ทำให้ตระหนักและเข้าใจถึงภัยอันตรายที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ไม่เพียงแต่ตัวผู้สูบเท่านั้น แต่ผู้คนที่อยู่ข้างเคียงก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย โดยสื่อโฆษณาดังกล่าวมีความยาว 1.43 นาที ถูกสร้างโดยบริษัทโอกิลวี เอเชีย  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ของหน่วยงานด้านสุขภาพแห่งหนึ่งของไทย  เอาล่ะ... ลองคลิกเข้าไปชมสื่อโฆษณาตัวนี้กันหน่อยเร้วววว ....
    

        สำหรับเนื้อหาในสื่อโฆษณาดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงหนูน้อยชายและหญิงรวม 2 คน เดินตรงเข้าไปหาบรรดาผู้ใหญ่ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ตามสถานที่สาธารณะต่างๆ พร้อมถามคำถามบรรดาสิงห์อมควันเหล่านั้น ว่า “ขอไฟจุดบุหรี่ให้หนูบ้างได้ไหม?” โดยเนื้อหาในภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ ได้แสดงให้เห็นปฏิกิริยาของผู้ใหญ่ที่กำลังสูบบุหรี่ ซึ่งต่างปฏิเสธคำขอของหนูน้อย พร้อมทั้งอธิบายถึงพิษภัยนานัปการของบุหรี่ที่มีต่อสุขภาพให้ฟัง (สังเกตได้จากคำพูด เช่น' หนูจะสูบเองจริงๆเหรอ ,ไม่ให้นะ, อย่าสูบเลย มันมียาฆ่าแมลงอยู่ในบุหรี่ด้วยนะ, สูบแล้วหน้าแก่นะ,สูบบุหรี่แล้วตายเร็วไม่อยากอยู่นานๆเหรอ, ไม่ดีรู้เปล่า..สูบแล้วเป็นทั้งมะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง เส้นเลือดในสมองแตก) ก่อนที่เด็กน้อยจะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีข้อความว่า “ไม่ดีแล้วพี่สูบทำไม ห่วงหนูแล้วทำไมไม่เคยห่วงตัวเอง” ให้กับพวกเขาเหล่านั้น ทำเอาผู้ใหญ่ที่กำลังสูบบุหรี่ในภาพยนตร์โฆษณาถึงกับอึ้งไปตามๆ กัน และเป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่มีผู้ใดที่ทิ้งกระดาษแผ่นดังกล่าวเลยแม้แต่รายเดียว
       
         เพื่อนๆดูจบแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับน้ำคิดว่าสื่อโฆษณาตัวนี้จเป็นสื่อตัวหนึ่งที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นความรู้สึกของผู้ที่สูบบุหรี่ให้ฉุกคิดขึ้นมาได้บ้างว่าโทษของบุหรี่มันร้ายแรงเพียงใดมีแต่จะให้โทษทำร้ายทั้งตัวผู้สูบเองและคนรอบข้าง ที่น่าคิดก็คือค็อนเซ็ปสื่อตโฆษณาตัวนี้ให้ตัวเด็กซึ่งเป็นวัยที่มีทั้งความคิดที่บริสทุธิ์ไร้เดียงสา และจะเติบโตไปเป็นอนาคตของชาติ แต่กลับต้องมาเห็นการกระทำของผู้ใหญ่บางคนที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่แล้วเด็กจะไม่เกิดการเลียนแบบหรือ ? ผู้ใหญ่ในโฆษณาดังกล่าว(รวมไปถึงเรื่องจริงในสังคมหลายคน) ทราบดีอยู่แก่ใจว่าสูบบหรี่ก็มีแต่จะให้โทษ มันน่าคิดตรงที่ว่าในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าไม่ดีแล้วยังจะสูบทำไม ในเมื่อคุณไม่อยากให้คนรอบข้างต้องสูบ เป็นห่วงคนอื่น แต่ทำไมไม่เป็นห่วงตัวคุณเอง และอีกมุมมองจะเห็นได้ว่าการที่เราจะไปสอนคนอื่นนั้น ดังเช่นผู้ใหญ่ในโฆษณาสอนเด็ก เราก็ควรจะทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีก่อน..

        จริงอยู่ที่สื่อโฆษณาอาจจะไม่ใช่หนทางที่จะกำจัดบุหรี่ออกจากสังคมไทย หากแต่อยู่ที่กำลังใจ และความมุ่งมั่นของตัวบุคคลนั้นๆ เองด้วย ว่าเขาจะตัดสินใจเลือกที่จะเดินออกจากแวดวงบุหรี่หรือไม่ น้ำเองก็ได้แต่หวังว่าหากใครได้ดูสื่อโฆษณาดังกล่าวแล้วจะหันมาฉุกคิดถึงพิษภัยของบุหรี่ และมีความตั้งใจจะเลิกพฤติกรรมดังกล่าวอย่างจริงจังกันบ้างไม่มากก็น้อยเน้อ  วันนี้ก็พอเท่านี้ก่อนล้ะกันเนอะ ไว้โอกาสหน้าเฝ้าติดตามกันดีดีนะคะว่าน้ำจะมีเรื่องอะไรมาเล่าสู่กันฟังอีก บ๊ายบายค่า ^_^
     





ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/around/ViewNews.aspx?NewsID=955000007744
 

  ไม่ใช้ ไม่รับ ไม่สนับสนุนโฆษณายาสูบร้าย ทำลายชีวิต
 (Ban tobacco advertising, promotion and sponsorship)
คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก 2556